การสัมมนา ส.ส.พรรคเพื่อไทยในช่วงเช้า มีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเปิดโอกาศให้ ส.ส.เปิดใจแสดงความเห็นโดยเฉพาะประเด็นความไม่พอใจของ ส.ส.พรรคเรื่องตำแหน่งประธานสภา ที่ส.ส.เพื่อไทยมองว่าพรรคเพื่อไทยยกให้กับพรรคก้าวไกล
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ได้เริ่มต้นกล่าวถึงกระบวนการทำงานในการเป็นตัวแทนพรรคไปทำหน้าที่เป็นเจรจาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า ที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย
ซึ่งได้มีการพูดคุยเป็นทางการสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่ร้านอาหาร Chez Miline ถนนสุโขทัย
ส่วนครั้งที่สองเป็นการพูดคุยกันของสองพรรคระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล โดยสรุปของการพูดคุยคือ การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการ โดยทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะได้พรรคละได้ 14 ที่นั่ง
ขณะเดียวกัน ตนก็เสนอว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร เป็น 14 + 1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นพรรคอันดับสองแต่ก็มีจำนวน ส.ส.ต่างกันไม่มาก ดังนั้นเพื่อความเหมาะสมและเป็นกำลังใจให้กับกองเชียร์ เพื่อไทยเห็นว่าควรเป็น 14 + 1 เช่นกัน คือ ตำแหน่งประธานสภาประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ทั้งนี้เรื่องตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล
แต่การให้ข่าวของตนและเลขาธิการพรรคอาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจหรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการเรื่องการยึดหลักพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่
ปปง. ขายทอดตลาด รถหรู-ทรัพย์สินอื่น 124 รายการ 26 – 27 มิ.ย.นี้
รัฐบาลไอซ์แลนด์ระงับล่าวาฬชั่วคราว กังวลสวัสดิภาพสัตว์ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยคนแรกที่แสดงความเห็นคือ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยที่เพื่อไทยจะยกตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งได้กล่าวชื่นชมพรรคก่อนว่าการสัมมนาในวันนี้ ที่จัดให้มีบรรยากาศเป็นประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมามีแต่การรับฟังโอวาทโดยไม่ได้แสดงความคิดเห็น
จากนั้น ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องตำแหน่งประธานสภา ว่าไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ก้าวไกลได้ 151 เสียง แล้วพรรคเพื่อไทยจะเห็นด้วยกับก้าวไกลทุกอย่าง มองมีศักดิ์ศรีเท่ากัน แม้เห็นด้วยกับการสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นอันดับ 1 แต่ไม่ได้หมายความว่าการได้ 151 เสียงเมื่อได้บริหารแล้วจะหาวเอาเดือน เอาดาว เอาตำแหน่งประธานสภาไปด้วยตนว่ามันง่ายไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ตนจึงออกมาพูดเรื่องนี้โดยไม่ได้นัดหมายกับใคร เป็นการสู้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องพรรคการเมืองใด
นายอดิศรยังกล่าวถึงกรณี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยมาติงความเห็นตนก็เข้าใจ พร้อมระบุว่า ตนเจ็บปวด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถให้ตำแหน่งประธานสภากับพรรคก้าวไกลเพราะมีเสียงแค่ 151 หากมีปัญหาในสภาจะแก้ก็สามารถทำได้ง่ายง่ายด้วยการโหวตในสภา
พร้อมมองว่า พรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่า ตนไม่อยากเห็นสามเณรกับพระบวชใหม่มาเป็นประธานสภาและย้ำว่าเพื่อไทยมีบุคลากรเหมาะสมหลายคน ทั้งบุคคลที่นั่งบนเวทีรือนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รวมถึงคนในห้อง นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายประยุทธ์ ตนก็เป็นได้ เรามีบุคลากรเยอะ อย่าเพิ่งไปยอมเขาง่ายๆ
นายอดิศร ย้ำว่า ตำแหน่งประธานสภาถึงอย่างไร ก็ควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ทั้งโดยศักยภาพ โดยทฤษฎี พรรคก้าวไกลต้องถอย เพื่อให้รัฐบาลผสมที่จะเกิดในอนาคตเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ปัญหานี้แก้ไม่ได้ก็เหมือนหินอยู่ในรองเท้า ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะงดออกเสียงหรือไม่เพราะไม่สามารถให้สามเณรและพระบวชใหม่เป็นประธาน
นอกจากนี้ ยังขอโทษนายภูมิธรรมที่ทะเลาะกันแต่เป็นการทะเลาะเพื่อแลกเปลี่ยน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ และพรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อย ต่อสู้ทุกเขตกับพรรคก้าวไกลทั้งนั้น พร้อมขอว่าทำงานการเมืองอย่าอ่อนต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มากว่า 22 ปี ต้องสรุปบทเรียน ประชุมกันบ่อยๆ แบบ ทูเวย์คอมมูนิเคชัน อย่าให้โอวาทอย่างเดียว
ก่อนทิ้งท้ายว่าถ้าเราร่วมมือกัน พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศ