ออกมาฉะกันแบบเทปคนละม้วน สำหรับปมดราม่าของนักแสดงและนักร้อง “เอ้ – ชุติมา นัยนา” กับอดีตแฟนรุ่นน้อง “ฟร้อง – ศุภกิจ ประสงค์” หลังฝ่ายชายออกมาแฉเดือดปมไม่ส่งค่าผ่อนบ้านและรถ จนทำชื่อติดแบ็คลิสต์
วันนี้ทั้งคู่ได้มาเผชิญหน้ากัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยทางด้านของ “เอ้ ชุติมา” ก็สวนกลับแบบโนสน โนแคร์ เคลียร์ชัดเจนมาว่า
ได้มาเจอน้องเขาอีกครั้ง ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?
เอ้ : “วันนี้ที่มาออกรายการก็อยากให้ทุกคนทราบถึงข้อเท็จจริงว่าการที่น้องเขามาฟ้องร้องเรา หรือขอความเป็นธรรม ใครดูโหนกระแสคนน่าขอความเป็นธรรมน่าจะเป็นเอ้มากกว่า ทั้งชีวิตทุ่มเทให้น้อง”
ตรงไหนที่ไม่ตรงตามที่ฝ่ายโน้นพูด?
เอ้ : “ให้รู้ว่าเราเป็นคนไม่คิดที่จะยักยอกทรัพย์ใคร เราไม่เคยคิดที่จะขโมยของใครเอามาจำนำ หรือดัดแปลงรถ เรามีที่มาที่ไป อย่างที่คุณทนายบอกว่าที่เอ้เอารถให้น้องเพราะอะไร”
ทนาย : “เพราะรถคันนี้เป็นการถือครองแทนกัน รถคันนี้คุณเอ้เป็นคนจ่าย ใช้ชื่อน้องถือกรรมสิทธิ์แทนเท่านั้นเองครับ กรรมสิทธิ์หนึ่งก็อยู่ที่คุณเอ้”
ทำไมเราส่งค่าบ้านและค่ารถ?
เอ้ : “เอาหลักความเป็นจริง เลิกกับแฟนแล้ว ทั้งดาวน์ ทั้งผ่อน เลิกกันแล้วจำเป็นต้องส่งต่อกันไหม ความเป็นจริงเอ้ดูแลมาทั้งชีวิตแล้ว วันนึงเราต้องออกจากบ้าน เราก็ออกใคร แต่คุณเขาให้เวลาเรา 30 วันในการย้าย การที่เราจะย้ายหาที่อยู่ใหม่สักที มันก็ต้องมีเวลาในการหาที่อยู่ใหม่ มันไม่ใช่ว่า 30 วันหาที่อยู่ใหม่ได้เลย มันต้องให้เวลากับเรา”
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าจบไม่ดี และพูดไม่ดีกับเราด้วยหรือเปล่า?
เอ้ : “ก็เลิกกันไปเลยทุกอย่างมีที่มาที่ไปการที่น้องไม่ได้มีเราคนเดียว น้องเที่ยวทุกอย่าง เราไม่ก้าวกายกันดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่าก็จบกัน เจอกันก็คุยกันธรรมดา ไม่ได้ให้ความรู้สึกดีๆ กันแล้ว”
“ฟร้อง ศุภกิจ” เปิดใจเดือด ปมบ้าน-รถ “เอ้ ชุติมา” ไม่ผ่อนต่อ เผยจุดแตกหัก แม่ฝ่ายชายซัดกลับคำพูด
มีหลักฐานชัดเจนใช่ไหมว่าเขามีคนอื่น?
ทนาย : “ผมว่าเรานี้อย่างเพิ่งพูดเลยดีกว่าครับ”
เขาไม่ค่อยชอบลูกสาวบุญธรรมของเรา?
เอ้ : “ลูกบุญธรรมของเราเขาคอยดูแลเราทุกอย่าง เราก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่คนเราคบกันเป็นแฟนกัน ลูกบุญธรรมก็ส่วนลูกบุญธรรม แฟนก็ส่วนแฟน คนเราต้องแยกแยะ เราเองก็รักคนละแบบรักลูกบุญธรรมก็แบบหนึ่ง รักแฟนก็แบบหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบลูกบุญธรรมของเรา”
เขาเคยยื่นข้อเสนอให้เลือกระหว่างเขากับลูกบุญธรรม?
เอ้ : “มันเลือกไม่ได้เพราะลูกบุญธรรมเขาก็ดูแลเรายามที่เราเจ็บป่วย ตอนที่เราไม่มีใครเขาก็อยู่ข้างๆ เราตลอด กับเขาเราก็รักเขาในฐานะแฟน แต่เวลาเราเป็นอะไรเขาไม่ค่อยอยู่กับเรา เขาเที่ยวของเขา วัยรุ่นด้วย (นี่คือจุดแตกหัก?) จุดแตกหักเป็นเรืาองผู้หญิงด้วย เรื่องเที่ยวด้วย เคยจับได้ก็ไปปราบมาแล้ว ครั้งที่เคยเป็นข่าว ไปปราบมาแล้วที่ลานเบียร์ ที่กาญจนบุรี หลายๆ อย่าง”
เรื่องที่ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น สารที่เรามาจะลูกบุญธรรมของเราหรือเปล่า?
เอ้ : “ไม่ค่ะ จากแฟนคลับด้วย เขาส่งมีให้เราดู เขาเห็นแค่สักหลังมือฟร้องเขาก็รู้กันหมดแล้วค่ะ”
ในวันที่เลิกกันเราคิดที่จะเอาบ้านและรถมาเป็นของเราหรือเปล่า เพราะเขาก็บอกว่าอยากให้พี่เอ้มีทั้งรถและบ้าน?
เอ้ : “เอาจริงๆ ให้บ้านและรถเป็นชื่อเขา เพราะเราอยากให้เขามีชีวิตที่ดี เราก็เลยดาวน์ให้ด้วยผ่อนให้ด้วย ส่งเรียนให้ด้วย น้องอยู่ในบ้านหลังนั้นเราดูแลน้องตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนลูกด้วย เหมือนแฟนด้วย เหมือนสามีด้วย เรียกว่าเป็นครอบครัว”
คิดไหมว่าสิ่งที่เราให้ไปจะกลายเป็นมีดที่กลับมาแทงเราในวันนี้?
เอ้ : “ไม่ได้คิดหรอกค่ะ เราไม่ได้ให้ด้วยความเสน่หา แต่เราให้ด้วยความรัก เอาเป็นว่าตอนนี้เอ้ไม่ได้เสียดายเงิน แต่เสียดายความรู้สึก 6 ปีที่เอ้ทุ่มเท เอ้แก่ลงทุกวันทุกวัน น้องเขายังเด็ก เขายังโตและสามารถไปที่อื่นได้ แต่เราพอแล้ว เราอายุมากขนาดนี้แล้ว เรา 55 ปี แล้ว มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราเจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกาย เสียเงิน เสียความรู้สึก เสียทุกอย่าง ถ้าใครเป็นอย่างเอ้จะเข้าใจ ทุกคนอาจจะมองว่าเป็นเพราะเราอายุมากกว่าชอบเด็กก็จะมีปัญหาแบบนี้
ซึ่งเอ้บอกกับสื่อมวลชนทุกช่อง ทุกที่ว่า เอ้รู้อยู่แล้วว่าวันนึงเด็กต้องไป รู้อยู่แล้ว เราเพราะอายุมากกว่า แต่การไปไม่ใช่ลุกขึ้นมาฟ้องร้องความเป็นธรรมหรือว่าทำให้เอ้เป็นข่าวแบบนี้ เรามีชื่อเสียง การสร้างชื่อเสียงของคนเราไม่ได้สร้างแค่วันเดียว แล้วที่เขามาพูดว่าเราอยู่วงการมานาน สื่อมวลชนต้องเข้าข้างเรา เพราะเรามีอิทธิพล ซึ่งมันไม่ใช่ พูดเลยค่ะ สื่อมวลชนเขามีจรรยาบรรณ ถ้าถูกว่าตามถูก ถ้าผิดว่าตามผิด เขาไม่ได้เข้าข้างคนผิด
เขาไม่ได้มาเชียร์ว่าเป็นดารารู้จักมานาน คุณผิดต้องว่าไปตามผิด ดังนั้นที่ออกมาวันนี้เพื่อปกป้องตัวเอง เอ้เป็นคนตรงมาก อยู่วงการมาได้เกือบ 40 ปีไม่โกหกคน เรามีหลักฐานทุกอย่างที่เห็น เดี๋ยวจะไปออกอีก 3 รายการจะมีหลักฐานออกมาเรื่อยๆ”
ทราบมาก่อนไหม น้องเล่นพนันออนไลน์?
เอ้ : “ไม่รู้เรื่องค่ะ น้องเขาเล่นของเขาเอง”
ตอนนี้ประเด็นเปลี่ยนที่เลิกกันเพราะว่า “พี่เอ้” หมดตัวจากการเล่นการพนัน?
เอ้ : “ใครๆก็เห็นว่าเอ้เป็นพรีเซนเตอร์ สินค้าเยอะมาก ยังเล่นละครอยู่ตลอดเวลา ยังขึ้นคอนเสิร์ตอยู่เลยค่ะ ปีนี้ละคร 3 เรื่องนะคะคอนเสิร์ตก็เพิ่งเสร็จไป พรีเซ็นเตอร์ขึ้นบิลบอร์ดก็เต็มไปหมดนะคะ พี่เซ็นเตอร์ทั้งหมด 9 ตัวนะคะปีนี้ อันนี้ก็แล้วแต่น้องจะคิดนะคะ เวลาที่น้องพูดช่วยเอาคลิปคำพูดมาให้ด้วย เอ้เป็นคนที่ทำอะไรมีหลักฐานค่ะ มีคลิปมีแชตคำพูดของเขา ใครก็พูดได้ลอยๆ ไม่ต้องมีหลักฐาน”
แม่เขาบอกว่าเอ้หมดตัวจนต้องไปยืมเงินเขา 5 หมื่นจริงหรือเปล่า?
เอ้ : “เอาเป็นว่าเงินของเอ้อยู่ที่ลูกเขาดีกว่า ลูกเค้าจะให้เงินแม่เขาก็เรื่องของเขาแต่มันก็เป็นเงินของเอ้นั่นแหละ”
เลี้ยงลูกเขาแล้วยังต้องเลี้ยงครอบครัวเขาด้วย?
เอ้ : “ถูกต้องค่ะ เราส่งเขาเรียนด้วย เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เลิกกันแล้วก็แล้วแต่เขา ไม่คืนก็ไม่เป็นไร มันเป็นชื่อเขา มันเป็นสิทธิของเขา”
แล้วเรื่องการพนันที่บอกเล่นบาคาร่าด้วยกัน?
เอ้ : “เอ้ไม่ได้เล่นกับเขาค่ะ ไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาเห็นเขาร้องไห้ แล้วเขาก็บอกว่าเขาไปเล่นบาคาร่ามาในโทรศัพท์มือถือ เอ้แก่แล้วเราไม่รู้เรื่องรู้ราว แค่ส่งข้อความเป็นก็เก่งแล้ว”
ที่ผ่านมาเขาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้าน?
เอ้ : “ที่ผ่านมาเงินเราอยู่ที่เขา เขาก็ต้องเอาเงินเราจ่ายไหม ซึ่งมันเป็นเงินเรา เราให้เขาเป็นคนเก็บเงิน หามาได้เท่าไหร่เราก็ให้เขาหมด บัญชีเขา (10 ล้าน?) ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้นับ”
ทำไมไว้ใจให้เขาดูแลเงินเรา?
เอ้ : “เราอาจจะเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่มั้งคะ ก็เลยให้น้องคอยดูแลการเงินให้ (เคยนึกเสียดายไหม?) ไม่ได้เสียดายตังค์นะ เสียดายความรู้สึกมากกว่า มันเหมือนเราดูแลเขาด้วยหัวใจ ด้วยทุกอย่างในชีวิตแล้วมาเจอแบบนี้ เหมือนชาวนากับงูเห่า มันเหมือนเราโดนฉก มันเจ็บปวด ตอนนี้เลยนิ่งเลย ไม่กล้ามีแฟน”
ที่ทางแม่เขาว่าเรากลางรายการ เจ็บหัวใจยังไง?
เอ้ : “ก็เจ็บค่ะ ก็ไม่เป็นไรแม่เขาอยากว่าอะไรก็ว่า แม่ทุกคนต้องรักลูกอยู่แล้ว ต้องปกป้องลุกอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติค่ะ”
เขาบอกว่าถ้าเราฟ้องเขาก็จะฟ้องกลับเหมือนกัน?
ทนาย : “เกี่ยวกับการฟ้องร้องคดี ก็ต้องไปดูหลักฐานกันก่อนว่ามีหลักฐานไปถึงแค่ไหน แต่ที่มองก็ยังไม่มี”
คิดว่าจะไกล่เกลี่ยกันก่อนในฐานะคนรักกัน?
เอ้ : “ไม่ค่ะ เอาให้สุดค่ะ ไม่เปลี่ยนใจ”
อยากเรียกร้อยสิ่งที่เราเคยให้ไป?
เอ้ : “ไม่ค่ะ แต่ชื่อเสียงคนเราไม่ได้สร้างกันในวันเดียว กว่าที่เอ้จะมีแฟนคลับทั่วประเทศไทยขนาดนี้ เอ้ไม่ได้เป็นแค่นางสาวไทย เอ้เป็นทั้งนางสาวไทย ทั้งดารา ทั้งนักร้องด้วย ฉะนั้นกว่าจะสร้างชื่อเสียงให้คนรักขนาดนี้ มีแฟนคลับได้ขนาดนี้ เอ้ไม่ได้สร้างเพียงแค่วันเดียว”
ในฐานะที่เราคบกันมา 6 ปี เรามองอนาคตของฟร้องยังไงบ้าง?
เอ้ : “ไม่ทราบค่ะ มันอยู่ที่น้อง เอาจริงๆ ฟร้องเป็นเด็กน่ารักนะ แต่ด้วยความที่เขาอ่อนหัด มันขึ้นอยู่กับคนรอบข้างเขา ก็แล้วแต่เขา ก็อยากให้เขาคิดได้ อยากให้เขาโต แค่นั้นเลย”
“เอ้ ชุติมา” เคลื่อนไหว โต้กลับอดีตแฟนเด็ก เตรียมแถลงปมร้อน
นักแสดงวัยรุ่นร้องเพจดัง หลังเลิกดารารุ่นใหญ่ ให้โอนบ้าน-รถ ทำชื่อติดแบล็คลิสต์
ตอนที่คบกันแม่เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตคู่เรา?
เอ้ : “ไม่ตอบดีกว่า (หัวเราะ)”
จากกระแสวันนี้เราอยากจะบอกอะไรชาวเน็ตไหม?
เอ้ : “เราเป็นนักแสดงก็ต้องทำใจอยู่แล้ว มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เราอยู่วงการมานานมาก เราไม่ใส่ใจกับคำลบหรือคนด่า เพราะว่าเขาไม่ได้ทำให้เราเจริญขึ้นหรือเลวลง ดังนั้นคนที่อยู่ในวงการบันเทิงต้องนิ่งให้มากๆ คนที่โดนอย่างเอ้ อย่าไปสนใจตามกระแสคอมเมนต์แรงๆ เรารู้ตัวเราดีที่สุดว่าเราทำอะไรอยู่ตอนนี้ เราผิดหรือเราถูก นั่นคือคำตอบที่อยู่ในใจเราอยู่แล้ว ฉะนั้นอะไรที่มันลบแล้วมันกระทบกระเทือนการงาน อาชีพ ความรู้สึกเรา อย่าไปใส่ใจ อย่าไปแคร์ โนสน โนแคร์ จะท่องอย่างนี้ตลอด ทำให้เราอยู่วงการได้นานและแกร่งมาก เราเจออะไรมาเยอะมากแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก”
ถ้าเขาไม่ออกมาร้องเพจสายไหม เราก็จะไม่ออก?
เอ้ : “ใช่ค่ะ ถ้าเขาไม่ออกมาร้องเพจสายไหมต้องรอด เราก็จะไม่ออกสื่อ แล้วเราจะไม่แฉอะไรด้วยซ้ำแม้แต่อย่างเดียว เดี๋ยวติดตามหลายๆ รายการ ยังมีอะไรต้องออกอีกเยอะมาก จะมีหลักฐานอะไรอีกต้องไปตามกันค่ะ ก็อยากให้เขามีอนาคตที่ดี มีชีวิตที่ดี”
มีแฟนเด็กเข็ดไหม?คำพูดจาก สล็อต777 เว็บตรง
เอ้ : “ตอนนี้เข็ดแฟนเด็กมาก แต่อนาคตมันก็ไม่แน่นอน บอกเข็ดวันนี้แล้ววันหน้าเกิดมีเด็กมาชอบเรา แล้วเราก็ชอบเขาทำยังไง ถ้าวันนึงเจอคนดี สาธุ ขอให้เจอคนดีสักครั้งเถอะ สักครั้งเดียวในชีวิตก่อนตาย คบเด็กก็ดี ตอนรักกันเขาก็เอาใจใส่ดี เราก็แฮปปี้ แต่พอเลิกกันเด็กบางทีความคิดเขาก็น้อย เขาคิดไม่ทัน แค่นั้นเอง แต่ตอนนี้โสดสนิทจริงๆ 9 เดือนที่ผ่านมาโสดมากๆ ไม่อยากมีใครแล้ว”
ยังไม่หมดเงิน?
“ยังค่ะ ตอนนี้เปิดบาร์ทอมโฮสแล้ว ชีวิตดิฉันกลับมายืนที่เดิม”