ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างและแฟนๆ ที่ติดตามผลงานอย่างท่วมท้น สำหรับนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ” ที่ต้องฝ่าฟันมรสุมชีวิต เดินหน้าเอาผิดลูกหนี้เบี้ยวจ่ายเงิน และก่อนหน้านี้ต้องนำทรัพย์สิน อาทิ รถหรูส่วนตัวมาประกาศขายเพื่อนำเงินไปรักษาคุณพ่อป่วยโรคมะเร็งด้วย
ล่าสุดนักแสดงหนุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เล่าถึงเรื่องอาการป่วยของคุณพ่อ รวมไปถึงเรื่องลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระเงิน โดยระบุข้อความว่า
“ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงเรื่อง 1. อาการเจ็บป่วยของคุณพ่อ 2. เรื่องการผิดนัดชำระของลูกหนี้ จึงทำให้มีเหตุต้องขายรถและของอื่นๆ ข้อมูลที่ชี้แจงอยู่ในรูปถัดไปครับคำพูดจาก สล็อตวอเลท
ผมแชมป์นะครับ ที่ออกมาในวันนี้เพราะผมเองได้รับการติดต่อจากพี่ๆ นักข่าวและสื่อมวลชนทั้งหลายมากมายเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ซึ่งผมก็ขอขอบคุณมากนะครับ แต่ทางผมติดปัญหาที่ต้องดูแลคุณพ่อซึ่งเจ็บป่วยหนักเลยทำให้ไม่สามารถไปสัมภาษณ์รายการต่างๆ ได้ จึงอยากจะขอใช้ข้อความนี้เพื่อเป็นการแถลงและชี้แจง
1. อาการเจ็บป่วยของคุณพ่อ คุณพ่อผมป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด (ระยะแพร่ กระจาย)และเชื้อมะเร็งได้กระจายไปยังกระดูกบริเวณคอ ทำให้คุณพ่อต้องทรมานมากจากอาการเจ็บปวด ทางครอบครัวของผมทราบว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 ตอนแรกคุณพ่อมีอาการปวดคอมาได้สักพักแต่ไม่ได้รุนแรงมาก แต่อยู่ๆ ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2566 อาการปวดของคุณพ่อรุนแรงขึ้นมาก ทางครอบครัวจึงพาคุณพ่อมาหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นแค่กระดูกทับเส้น แต่พอคุณพ่อได้รับการตรวจอย่างละเอียด ทำให้ทราบว่าคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งปอด และมะเร็งได้แพร่กระจายมายังกระดูกบริเวณคอ จึงทำให้มีอาการเจ็บที่รุนแรง ทางครอบครัวได้เข้าปรึกษาคุณหมอเรื่องแนวทาง การรักษา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา จึงทำให้ทราบว่าคุณพ่อต้องใช้ค่ารักษาเป็นเงินจำนวนมาก"
2. การผิดนัดชำระ ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องนั้น ทางผมได้รับการ ติดต่อกับจำเลยขอไกล่เกลี่ยทำสัญญา ประนีประนอมยอมความตกลงชำระหนี้ต่างๆ รวม ถึงที่เคยช่วยเหลือ ต่อมาก็ยังผิดนัดทำให้ผมต้องฟ้องคดี พอยื่นฟ้องไปมีการติดต่อมาว่าจะชำระ และก็ไม่เคยมีการชำระเข้ามาเลย จนต่อมาคุณพ่อ ผมก็ป่วยหนักและได้รับรู้เรื่องราวก็ยิ่งมีอาการทรุด ลงทำให้ต่อมาผมจำเป็นต้องขายรถยนต์และสิ่งของต่างๆเ พื่อเตรียมเงินมารักษาคุณพ่อ โดยทางจำเลยก็ไม่เคยสนใจใยดีใดใด แต่หาเหตุมาอ้างว่าจะคืนเงินต่างๆ ก่อนขึ้นศาลนัดแรก แต่ปรากฏว่าก็ไม่เคยคืนเงินแต่อย่างใด อีกทั้งทราบว่ามีการยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ทางจำเลยติดต่อมาว่าจะมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย แต่เมื่อถึงนัดขึ้นศาลนัดแรกเมื่อวัน จันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 ที่ศาลจังหวัดอุดร
ผมในฐานะโจทก์ที่ 1 และผู้รับมอบอำนาจคุณแม่ โจทก์ที่ 2 ในคดีมาศาล พร้อมทนายความ (พี่ตั้ม เกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ) พวกเรามาตามนัดตั้งแต่เวลา 9.00 จำเลยก็ไม่มาศาลและไม่เป็นไปตามที่ติดต่อมา คือให้การปฏิเสธรวมถึงทนายจำเลยก็ไม่มา แจ้งเลื่อนศาลและติดต่อไม่ได้ต้องรอกันเป็นเวลานาน สุดท้ายจึงนัดสืบพยานกันในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยแจ้งว่าเท่าที่คุยจำเลยประสงค์ไกล่เกลี่ยจะมาในวันนัดดังกล่าว ผมก็ไม่รู้ว่าจำเลยต้องการอะไรและจะเชื่ออะไรได้บ้าง ผมหวังว่าความยุติธรรมจะบังเกิดต่อไป วันนี้ผมและครอบครัวยังคงได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากเหตุการณ์นี้ที่จำเลยกระทำเอาไว้มากจริงๆ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่พี่นักข่าวสื่อมวลชนทั้งหลาย รวมถึงทางแฟนคลับและหลายๆ คนที่อาจจะไม่ได้เอ่ยชื่อ ที่ให้กำลังใจผมจากเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย ขอบพระคุณมากครับ
ฝากถึงจำเลยนะครับ คืนเงินเถอะครับ ทางครอบครัวผมเดือดร้อนและจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ครับ"