ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 11,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.2% จาก 6,961 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรวมครึ่งปีแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 21,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.2% จาก 14,079 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2 ปี2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว ตามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น
ธ.กรุงเทพ ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% เงินกู้ 0.20% มีผล 2 มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง.
BBL ไตรมาสแรกกำไร 10,129 ล้าน เพิ่ม 42.3% จากเศรษฐกิจฟื้น-ขึ้นดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน การส่งออกของประเทศไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลงทำให้ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและมีความเสี่ยงที่ภาวะเศรษฐกิจจะซบเซาลงและถดถอย รวมทั้งจากความผันผวนในตลาดการเงินโลก และจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ในครึ่งปีแรก ธนาคารฯมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น36.0% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟิ้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น2.88% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น18.3% ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ลดลงเป็น47.1%
ท้ังนี้ จากการที่ธนาคารมีการต้ังสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องจึงมีการต้ังสำรองในไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ทำให้สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2566 มีจำนวน 17,354 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงินสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,698,304ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ
สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้อยู่ที่2.9%ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 287.1%
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน3,200,155 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.3 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนท้ังสิ้นอัตราส่วนเงินกองทุนช้ันที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนช้ันที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.1% 15.7% และ14.9% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอตัราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ราคาหุ้น BBL วันนี้ (20 ก.ค.) ปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลง ที่ 164.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,491.69 ล้านบาท